นายรัชวิชญ์ ปิยะปราโมทย์ รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการประชุมเจรจายกระดับความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA Upgrade Negotiations) ครั้งที่ 6 ในฐานะประธานฝ่ายอาเซียน ระหว่างวันที่ 22-26 เมษายน 2567 ที่สิงคโปร์
รัชวิชญ์ว่า อาเซียนและจีนเห็นพ้องว่าควรผลักดันให้การเจรจามีความคืบหน้ามากที่สุด เพื่อสามารถสรุปผลภายในปี 2567 ตามที่รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนและจีนประกาศไว้ โดยในภาพรวมถือว่ามีความคืบหน้า เพราะสามารถได้ข้อสรุปได้เกิน 50% ของการเจรจาข้อบทั้งหมดแล้ว
สำหรับการเจรจาครั้งนี้ประกอบด้วยคณะทางาน 8 คณะ แบ่งเป็นคณะทางานประชุมที่สิงคโปร์ 5 คณะ ได้แก่ 1.การค้าสินค้า 2.การลงทุน 3.เศรษฐกิจดิจิทัล 4.กฎหมายและสถาบัน 5.พิธีการศุลกากรและการอานวยความสะดวกทางการค้า
และอีก 3 คณะทางาน ประชุมที่สานักเลขาธิการอาเซียน กรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย ได้แก่ 1.เศรษฐกิจสีเขียว 2.การเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน และ 3.มาตรฐานกฎระเบียบทางเทคนิค และกระบวนการตรวจสอบและรับรอง
“การเจรจาที่สิงคโปร์และอินโดนีเซีย ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากอาเซียนและจีนเหลือเวลาไม่ถึง5เดือน ก่อนการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-จีน ในเดือนกันยายน 2567 ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายต่างต้องการเร่งผลักดัน
การเจรจาให้ได้ข้อสรุปอย่างมีนัยสำคัญตามเป้าหมายที่ผู้นำประกาศไว้รวมทั้งเรื่องดังกล่าวเป็นหนึ่งในแผนงานเศรษฐกิจที่สำคัญ (PEDs) ภายใต้การเป็ นประธานอาเซียนของ สปป.ลาว อีกด้วย” นายรัชวิชญ์ กล่าว
นอกจากนี้ ในการประชุมที่สิงคโปร์ทางสิงคโปร์นําเสนอแนวทางในการขับเคลื่อนการเจรจา 2 เรื่อง ได้แก่ 1.ให้แต่ละคณะทางานกําหนดเป้าหมายการเจรจาแต่ละรอบให้ชัดเจน และ2.ให้คํานึงกรอบระยะเวลาการเจรจาที่ต้องได้ข้อสรุปอย่างมีนัยสําคัญในปี 2567 ควบคู่กับการพิจารณาถึงประโยชน์ที่อาเซียนจะได้รับจากการเจรจายกระดับ
ACFTA ทั้งนี้ ไทยในฐานะประธานร่วมฝ่ายอาเซียน ยืนยันร่วมผลักดันให้สามารถสรุปผลการเจรจาอย่างมี นัยสําคัญให้ได้ภายในปี 2564 เพราะการปรับปรุงความตกลง ACFTA ให้มีความทันสมัย สอดคล้องกับ
สถานการณ์ปัจจุบันและยังจะช่วยอานวยความสะดวกทางการค้าให้กับผู้ประกอบการรวมทั้งเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนระหว่างอาเซียนกับจีนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น