นักวิเคราะห์และผู้ค้าระบุ ผู้ส่งออกเนื้อหมูจากทวีปอเมริกาใต้และสหรัฐอเมริกาอาจได้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มในจีน หากเนื้อหมูจากสหภาพยุโรป (อียู) ถูกจีนขึ้นภาษีนำเข้า แก้เผ็ดอียูประกาศขึ้นภาษีรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (อีวี) ที่ผลิตในจีนก่อน
เมื่อวันจันทร์ ( 17 มิ.ย. ) กระทรวงพาณิชย์ของจีนเริ่มการสอบสวนเนื้อหมูและชิ้นส่วน ที่นำเข้าจากอียู หลังจากกลุ่มผู้ผลิตในประเทศร้องเรียนว่า อียูมีการทุ่มตลาดโดยขายในราคาต่ำกว่าราคาที่ตลาดในประเทศกำหนด
ผลกระทบใด ๆ ต่อผู้ส่งออกอียูยังไม่เกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้ เนื่องจากกระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่า การสอบสวนอาจใช้เวลานานกว่าหนึ่งปี
อย่างไรก็ตาม พาน เฉินจวิ้น นักวิเคราะห์อาวุโสของธนาคารสหกรณ์ราโบบังก์ ( Rabobank) ในฮ่องกงชี้ว่า ถ้าจีนขึ้นภาษีต่อต้านการทุ่มตลาดจริง การส่งออกเนื้อหมูและเครื่องในจากแหล่งอื่น ๆ เช่น บราซิล อาร์เจนตินา และสหรัฐฯ จะเพิ่มมากกว่าเดิม โดยมาตรการจำกัดการนำเข้าจากอียูจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดในจีนมากนัก เพราะเนื้อหมูและเครื่องในนำเข้าจากต่างประเทศมีสัดส่วนเพียง 5 % ของการบริโภคในประเทศทั้งหมด
แต่สหพันธ์การส่งออกเนื้อสัตว์แห่งสหรัฐฯ (USMEF) ตั้งข้อสังเกตว่า ปัจจุบันเนื้อหมูจากสหรัฐฯ ถูกจีนเก็บภาษีสูง 25% อยู่แล้ว เพื่อตอบโต้สหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมจากจีน จึงต้องรอดูว่า เนื้อหมูสหรัฐฯ จะได้เปรียบเนื้อหมูจากอียูหรือไม่
ภาษีต่อต้านการทุ่มตลาดจะส่งผลกระทบหนักต่อยุโรป เนื่องจากเนื้อหมู รวมถึงชิ้นส่วนอื่น ๆ เช่น ขา กระเพาะ หัว และเครื่องใน ที่จีนนำเข้านั้น ปกติไม่นิยมบริโภคในยุโรป ซึ่งผู้ผลิตของยุโรปต้องพึ่งตลาดจีนเป็นสำคัญ
รัสเซียเป็นอีกชาติหนึ่งที่อาจครองส่วนแบ่งตลาดเพิ่ม หลังจากเริ่มการส่งออกเนื้อหมูไปจีนเมื่อเดือนก.พ. ที่ผ่านมา มีจำนวนทั้งสิ้น 4,260 ตันในวันที่ 2 มิ.ย. และคาดว่า จะส่งออกไปจีนได้มากถึง 1 แสนตันในปี 2567 โดยนายยูริ โควาเลฟ หัวหน้าสหภาพผู้ผลิตเนื้อหมูแห่งชาติระบุว่า รัสเซียต้องการได้ส่วนแบ่งตลาดเนื้อหมูจีน 10 % ภายใน 3-4 ปีนี้
จีนเป็นผู้ผลิตเนื้อหมูชั้นนำของโลกและบริโภคเนื้อหมูประมาณครึ่งหนึ่งในโลก โดยข้อมูลศุลกากรระบุว่า จีนนำเข้าเนื้อหมูรวมถึงเครื่องในเป็นมูลค่า 6 พันล้านดอลลาร์ในปี 2566
ความตึงเครียดทางการค้าจีน-ยุโรปอาจปะทุเป็นสงครามการค้า ที่มีการใช้มาตรการภาษีห้ำหั่นกัน หากทั้งสองฝ่ายเจรจาต่อรองกันไม่ได้ โดยมีการมองกันว่า การสอบสวนเนื้อหมูอียูทุ่มตลาดเป็นมาตรการเพื่อพยายามยับยั้งไม่ให้อียูขึ้นภาษีรถอีวีนำเข้าจากจีนตามที่อียูได้ประกาศไปเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยอียูอ้างผลการสอบสวนเบื้องต้นว่ารัฐบาลจีนให้เงินอุดหนุนการผลิตจนสามารถขายได้ในราคาถูกกว่าค่ายรถยุโรป การขึ้นภาษี 17.4% – 38.1% จากเดิม 10 % จะมีผลบังคับใช้ชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. และเป็นการถาวร ซึ่งอียูต้องตัดสินใจในเดือนพ.ย.ปีนี้