รัฐบาลจีนประกาศมาตรการใหม่เพื่อสนับสนุนให้รัฐวิสาหกิจใหม่เข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ค้างสต็อก โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้บรรดาบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีเงินทุนไปต่อยอดในสร้างอสังหาริมทรัพย์ให้แล้วเสร็จ ทั้งนี้ มาตรการใหม่ดังกล่าวมีมูลค่าสูงถึง 3 แสนล้านหยวน หรือประมาณ 4.225 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
จีนประกาศมาตรการขนานใหญ่หวังกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังซบเซา โดยผ่อนคลายกฎระเบียบด้านการจำนอง และสนับสนุนให้รัฐบาลท้องถิ่นซื้อบ้านที่ขายไม่ออกจากบรรดาบริษัทสร้างบ้านเพื่อเปลี่ยนเป็นที่อยู่อาศัยในราคาที่จับต้องได้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า มาตรการดังกล่าวรวมถึงการที่ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้ยกเลิกอัตราดอกเบี้ยจำนองขั้นต่ำทั่วประเทศ พร้อมปรับลดสัดส่วนเงินดาวน์ลงสู่ระดับ 15% สำหรับผู้ที่ซื้อบ้านหลังแรกและ 25% สำหรับบ้านหลังที่ 2 โดยสัดส่วนเงินดาวน์ก่อนหน้านี้อยู่ที่ 20% และ 30% ตามลำดับ
ทางด้านนายเหอ ลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีนกล่าวว่า รัฐบาลจีนได้แนะนำให้รัฐบาลท้องถิ่นซื้อบ้านในราคาที่เหมาะสม และเปลี่ยนบ้านเหล่านั้นให้กลายเป็นที่อยู่อาศัยราคาในราคาที่จับต้องได้
ทั้งนี้ นายหลี่เฟิงกล่าวว่า “ภาคอสังหาริมทรัพย์มีความเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของประชาชน และเป็นประเด็นใหญ่ในการพัฒนาเศรษฐกิจ ดังนั้น รัฐบาลท้องถิ่น บริษัทพัฒนาที่อยู่อาศัย และสถาบันการเงินจึงจำเป็นต้องช่วยแบกรับความรับผิดชอบในการแก้ปัญหาในภาคส่วนดังกล่าว”
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวนับเป็นการดำเนินมาตรการครั้งใหญ่ที่สุดเพื่อกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาของจีน โดยทางการจีนตระหนักถึงความเร่งด่วนของปัญหาที่เกิดขึ้น หลังจากมีรายงานว่าราคาบ้านในจีนเดือนเม.ย. ปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี เมื่อเทียบรายเดือน แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีการออกนโยบายเพื่อช่วยเหลือภาคส่วนดังกล่าวอย่างต่อเนื่องก็ตาม
ราคาบ้านใหม่ในจีนเดือนเม.ย.ลดลง 0.6% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรวดเร็วที่สุดในรอบกว่า 9 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2557 และย่ำแย่กว่าในเดือนมี.ค.ที่ปรับตัวลง 0.3%